5 อันดับอาหารเสริมที่สามารถช่วยเสริมสร้างกระดูก ที่เห็นผลกว่าการบริโภคแคลเซียมเพียงอย่างเดียว

เราจะแสดงให้เห็นถึงปัจจัยหลักๆ ที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารเสริมบำรุงกระดูกให้มีประสิทธิผล รวมทั้งแนะนำวิธีที่จะจับสังเกตสินค้าที่หลอกลวงผู้บริโภคได้อีกด้วย หากคุณรับประทานอาหารเสริมจำพวกแคลเซียมเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ยังพบว่าผลการตรวจมวลกระดูก จาก DEXA scan นั้นยังไม่ดีขึ้น เหมือนกับว่าคนร้ายที่ทำให้เกิดเหตุนี้ ไม่ใช่ปริมาณของแคลเซียมที่คุณกำลังรับประทานนั้นไม่เพียงพอ แต่การรับประทานแคลเซียมเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อเสริมสร้างกระดูกได้
โครงกระดูกของคนเรานั้น มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติอยู่เสมอ ที่ซึ่งมีวงจรการย่อยสลายกระดูกเก่า และสร้างคอลลาเจนและแร่ธาตุที่เป็นส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้นมาใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเริ่มเข้าสู่วัย 50 ปี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) เนื่องจากร่างกายของคุณจะมีประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียม และสารอาหารอื่นๆ ลดน้อยลง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กระดูกแข็งแรง รวมถึงชะลอการเสื่อมของกระดูกที่เปราะบางลงทุกปีอีกด้วย ดังนั้น การรับประทานอาหารและอาหารเสริมที่ดี สามารถช่วยให้คุณได้รับแร่ธาตุที่สามารถเสริมสร้างกระดูก และมีการดูดซึมไปสู่กระดูกโดยตรง โดยไม่มีความเสี่ยงต่อการสะสมในเนื้อเยื่อหลอดเลือดแดง หรือเนื้อเยื่อไต

เลือกอาหารเสริมกระดูกอย่างไร ให้ไม่โดนหลอกลวง

งานศึกษาล่าสุดพบว่า มีผู้หญิงจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 และมีผู้ชายเพียง 1 ใน 4 ส่วนเท่านั้นที่ประสบกับภาวะกระดูกเปราะในช่วงชีวิตของพวกเขาเพราะมีการสูญเสียมวลกระดูก และถึงแม้ว่าอายุจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนยังคงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่จนถึงช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา จึงทำให้ความเสี่ยงที่กระดูกจะพรุนลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจว่า ความต้องการของอาหารเสริมกระดูกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมบางยี่ห้อไม่ได้ถูกผลิตตามมาตรฐาน เพราะตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพนั้น เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างมาก จนทำให้หลาย ๆบริษัทอาจจะทำการจำหน่ายสินค้าอย่างไม่มีประสิทธิภาพที่มีปริมาณแคลเซียมสูง แต่ไม่มีการผสมวิตามินและแร่ธาตุที่มีการคิดมาแล้วว่า ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารสำหรับเสริมสร้างกระดูกได้ดี

และนี่คือเหตุผลที่ทีมงานของเรา ตัดสินใจที่รวบรวมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมกระดูกยอดนิยมทั้งหมดในปัจจุบัน โดยการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของแต่ละตัว โดยเราจะแสดงให้เห็นว่าควรเลือกซื้ออาหารเสริมชนิดใด หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ใด รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เราคัดสรรว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิผลที่สุด ซึ่งในการวิเคราะห์ของเรา จะสังเกตได้ว่า มีบริษัทจำนวนหนึ่งที่มีการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับคุณสมบัติในการรักษาของผลิตภัณฑ์ของตน เพราะมันอาจเป็นไปไม่ได้ที่ให้ผลลัพธ์เท่าที่กล่าวอ้างไว้ แล้วเราจะได้รับผลลัพธ์อะไรบ้าง จากการรับประทานอาหารเสริมกระดูกตามหลักความเป็นจริ

การรับประทานอาหารเสริม จะเห็นผลลัพธ์เมื่อใด

ประสิทธิภาพของสารประกอบส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อกระดูกนั้น จะเริ่มเห็นผลภายใน 1 ถึง 2 เดือน ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณจำเป็นต้องออกกำลังกายเพิ่ม หรือทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่วงจรการสร้างกระดูกจะสร้างใหม่ได้เร็วขึ้น วงจรการต่ออายุกระดูกตามธรรมชาติของร่างกาย และป้องกันอาการกระดูกเปราะ หรือพรุนได้  

มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานอาหารเสริมเป็นประจำทุกวัน เป็นเวลา 6 เดือน มีแนวโน้มที่จะบำรุงกระดูกได้ในระยะยาวและยั่งยืน และนี่คือลำดับเวลาของผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นที่สมเหตุสมผล: 

  1. เดือนที่ 1 – 2 : เมื่อกระดูกของคุณเริ่มแข็งแรงขึ้น คุณอาจสังเกตเห็นว่าสามารถขยับตัวได้อย่าสะดวกสบายขึ้น  ซึ่งสามารถวิ่งเล่นกับหลานๆ ได้อีกครั้ง หรือทำงานบ้านที่มีการใช้แรงได้มากขึ้น

  2. เดือนที่ 3 – 6 : คุณอาจสังเกตได้ว่า คุณรู้สึกแข็งแรงขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น และมั่นใจในความแข็งแรง และมวลของกระดูกที่หนาแน่นขึ้น ซึ่งมันทำให้คุณสามารถออกไปเดินเร็ว เดินป่า หรือขี่จักรยานได้

  3. หลังจากเดือนที่ 6 : กระดูกของคุณฟื้นฟูอย่างเต็มที่ถึงจุดสูงสุดแล้ว และผลตรวจมวลกระดูกของ DEXA ล่าสุด อาจแสดงให้เห็นว่า มวลกระดูกของคุณหนาแน่นขึ้น และทำให้คุณสามารถขยับตัวได้อย่างเต็มที่ และกลับมาทบทวนถึงผลกระทบของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูกของคุณให้แข็งแรงขึ้นอีก

 

เคล็ดลับ : ความต่อเนื่องจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การรับประทานอาหารเสริมกระดูกที่มีประสิทธิภาพ เป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน จะทำให้เกิดการเสริมสร้าง และซ่อมสร้างแบบทวีคูณ เนื่องจากจำนวนของยาที่บริโภค จะเป็นตัวบอกถึงความยั่งยืนของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น 

แล้วผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลักษณะใดที่เป็นอาหารเสริมชั้นยอด และแตกต่างจากชนิดอื่น ๆ

5 ส่วนผสมที่จำเป็นในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับกระดูกชั้นดี

  •  แคลเซียม (Calcium) 

    แคลเซียมเป็นสารประกอบที่สำคัญที่สุดสำหรับกระดูกที่แข็งแรง เพราะทำให้โครงสร้างกระดูกมีความแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความหนาแน่นของมวลกระดูกอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเสมอไปจากการรับประทานแคลเซียม และจริง ๆแล้ว ปริมาณแคลเซียมที่มากเกินไป อาจทำให้กระดูกของคุณสไม่ามารถดูดซึมสารอาหารได้หมด และอาจทำให้เกิดนิ่วในไต หรือเกิดคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดงได้ และด้วยเหตุนี้ การรับประทานแคลเซียมในปริมาณต่ำถึงปานกลาง แต่มีฤทธิ์ทางชีวภาพสูง จึงมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากกว่า  เช่น ไดแคลเซียม มาเลท ซึ่งมีปัจจัยในการดูดซึมที่ทำให้มั่นใจได้ว่า จะมีการดูดซึมสารอาหารไปสู่โครงสร้างกระดูกโดยตรง 

  • แมกนีเซียม (Magnesium) 

    แมกนีเซียมก็เป็นสารประกอบทางชีวภาพที่สำคัญสำหรับกลไกการทำงานในร่างกายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีแมกนีเซียมร้อยละ 60 อยู่ภายในโครงกระดูกของร่างกายมนุษย์ และมีนักวิจัยที่สร้างสมมุติฐานความเชื่อมโยงว่า ระหว่างการรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณเยอะ และการเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกนั้น มีแร่ธาตุเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลแคลเซียมในร่างกาย และสามารถดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูกได้ดี และน่าเสียดายที่ 4 ใน 5 ส่วนของผู้คนมักไม่ได้บริโภคแมกนีเซียมให้เพียงพอที่จะเสริมสร้างกระดูกในแต่ละมื้ออาหาร ทั้ง ๆที่มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ควรบริโภคแคลเซียม พร้อมกับแมกนีเซียม ในอัตราส่วน 2:1 จึงจะเหมาะสมที่สุด 

  • โบรอน (Boron) 

    สารประกอบนี้สามารถพบได้ตามธรรมชาติจากอาหารจำพวกพืช โดยเฉพาะ ผักใบเขียว โบรอนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญสำหรับการสร้างแร่ธาตุในกระดูกด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมแมกนีเซียม และในขณะเดียวกัน มันก็ช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บแคลเซียมในกระดูกเช่นกัน เนื่องจากโบรอนมีบทบาทสำคัญในการรักษาระดับมวลหนาแน่นของกระดูกและปริมาณแร่ธาตุให้เหมาะสม แต่ด้วยความที่มีการวิจัยว่า สารประกอบนี้อาจส่งผลกระทบต่อวงจรการสร้างกระดูก และโภชนาการอาหารในปัจจุบันนี้ได้ให้สารอาหารโบรอนที่เพียงพอแล้ว จึงทำให้สารประกอบนี้จึงไม่ค่อยจำเป็นมากเท่าไหร่สำหรับสูตรอาหารเสริม  

  • วิตามินดี (Vitamin D) 

    วิตามินดีนั้นจะถูกผลิตขึ้นเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดด ซึ่งมันจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมในกระดูกอย่างมาก แม้ว่ายุคสมัยก่อนหน้านี้มักมีการได้รับ “วิตามินจากแสงแดด” ในปริมาณสูงขณะที่อยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาหนึ่ง ในทางกลับกันการอยู่ในที่ร่มของยุคสมัยใหม่ ทำให้ร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้ และเกิดความเสี่ยงต่อการสะสมแคลเซียมในไตและหลอดเลือดแดงได้ นอกจากนี้ แม้อาหารเสริมวิตามินดีได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมาก แต่ประชากรชาวอเมริกันเกือบร้อยละ 50 ยังคงขาดแคลนวิตามินตัวนี้ ดังนั้นจึงสามารถเลือกซื้อวิตามิน D3 ได้ เพราะเป็นสารสกัดจากวิตามินดีที่มีประสิทธิภาพทางชีวภาพมากที่สุด

  • วิตามินเค (Vitamin K) 

    วิตามินเคมีบทบาทสำคัญในวงจรการเปลี่ยนแปลงกระดูกตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ โดยการกระตุ้นโปรตีนที่ช่วยสร้างแร่ธาตุในกระดูก ซึ่งประสิทธิภาพในการควบคุมระดับแคลเซียมในเลือดก็มีความสำคัญเช่นกันด้วยการดูดซึมแร่ธาตุจากเนื้อเยื่อเข้าสู่กระดูก เนื่องจากความนิยมในการบริโภคอาหารหมักของคนทั่วโลก ที่ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินเคตามธรรมชาตินั้นลดน้อยลงไปสู่ระดับที่ความหนาแน่นของมวลกระดูกต่ำและกระดูกเปราะหักง่าย ดังนั้นทางเราจึงแนะนำ วิตามิน K2 มากกว่า K1 เนื่องจากมีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า มันส่งผลต่อความหนาแน่นของมวลกระดูกมากกว่า

    ดังนั้น การรับประทานอาหารเสริมร่วมกันนั้นมีข้อควรระวังอย่างมาก เพื่อที่จะไม่ให้มีผลเสียต่อร่างกาย

สัญญาณเตือนของการหลอกลวงผู้บริโภคที่อาจเกิดขึ้น

  • การบริโภคแคลเซียมในปริมาณสูง แต่ประสิทธิผลต่ำ (High Dose, Low Efficiency Calcium)

    แม้ว่าการบริโภคแคลเซียมในปริมาณมากเกินไปจากมื้ออาหารอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่การได้รับแคลเซียมจากอาหารเสริมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ปริมาณแคลเซียมเพิ่มขึ้นจนอาจจะไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย การที่บริโภคแคลเซียมในปริมาณที่สูงเกินกว่าที่กระดูกจะดูดซึมได้ สามารถทำให้เกิดนิ่วในไต และคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดได้ และอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะหลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีแคลเซียม คาร์บอเนต เพราะแม้ว่าแคลเซียมประเภทนี้จะมีราคาถูกและมีจำหน่ายทั่วไป แต่มันไม่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดี ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อได้

  • ไม่มีตัวช่วยในการดูดซึม (Lack of Absorption Factors) 

    สาเหตุของการสูญเสียมวลกระดูกตามอายุที่มากขึ้นนั้น อาจจะไม่ใช่ปริมาณแคลเซียมที่ไม่เพียงพอแต่เป็นที่ความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมของร่างกายลดน้อยลง นอกจากนี้ การบริโภคแคลเซียมมากเกินไปโดยไม่มีส่วนผสมที่ช่วยในการดูดซึม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมแคลเซียมในไต และหลอดเลือดแดง ด้วยเหตุนี้ ตัวช่วยในการดูดซึมนี้จึงจำเป็นที่จะอยู่ในสูตรอาหารเสริม เพื่อช่วยลำเลียงแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง ที่ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าปริมาณแคลเซียมอีกด้วยซ้ำ

  • สารเติมเต็ม ( Filler Ingredients) 

    มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงน้อยชนิด ที่มีศักยภาพและปลอดภัยต่อการบริโภค เพราะสารประกอบตัวอื่นๆ ที่มีการอ้างว่าช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกนั้น มีหลักฐานการวิจัยทางการแพทย์เพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่แสดงให้ว่า สารประกอบเหล่านี้ประสิทธิภาพจริง ๆ 

  • วิตามินดี (Vitamin D) 

    วิตามินดีนั้นจะถูกผลิตขึ้นเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดด ซึ่งมันจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมในกระดูกอย่างมาก แม้ว่ายุคสมัยก่อนหน้านี้มักมีการได้รับ “วิตามินจากแสงแดด” ในปริมาณสูงขณะที่อยู่กลางแจ้งในช่วงเวลาหนึ่ง ในทางกลับกันการอยู่ในที่ร่มของยุคสมัยใหม่ ทำให้ร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้ และเกิดความเสี่ยงต่อการสะสมแคลเซียมในไตและหลอดเลือดแดงได้ นอกจากนี้ แม้อาหารเสริมวิตามินดีได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพมาก แต่ประชากรชาวอเมริกันเกือบร้อยละ 50 ยังคงขาดแคลนวิตามินตัวนี้ ดังนั้นจึงสามารถเลือกซื้อวิตามิน D3 ได้ เพราะเป็นสารสกัดจากวิตามินดีที่มีประสิทธิภาพทางชีวภาพมากที่สุด

    โปรดระวังอาหารเสริมที่มีรายการส่วนผสมที่เยอะจนเกินไป ซึ่งอาจสร้างภาพลวงตาในการตัดสินใจของคุณได้ การที่มีสารประกอบหลายชนิดนี้อาจไม่จำเป็นต่อสุขภาพของคุณเสมอไป ซึ่งอาหารเสริมบางชนิดที่เรานำมานำเสนอ มีส่วนผสมที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า 10 รายการ 

5 อันดับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับกระดูกที่ดีที่สุด ประจำปี 2024

นี่คือการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพข้อต่อยอดนิยมที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบันแบบเทียบเคียงกัน ซึ่งเราจะสรุปข้อมูลทางการแพทย์ และการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์แต่ละตัว:

ส่วนด้านล่างนี้ จะเป็นการจัดอันดับ และวิจารณ์ 5 อันดับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับกระดูกที่ดีที่สุด แต่ละชนิดอย่างละเอียด โดยเริ่มจากอันที่แนะนำมากที่สุด

#1. Calciven

by Nutreance

Our Rating

Overall Grade

ข้อดี

ข้อเสีย

ส่วนสำคัญ

เราให้คะแนนผลิตภัณฑ์ Calciven by Nutreance เป็นอันดับ 1 เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเดียวเท่านั้นที่ตรงตามเกณฑ์ทีเรากำหนดอย่างเคร่งคัดไว้ทุกประการ Calciven มีส่วนผสมทั้งหมด 5 อย่างที่เราพิจารณาว่าจำเป็นสำหรับการเสริมสร้างกระดูกให้มีประสิทธิภาพที่สุด ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โบรอน วิตามินดี และวิตามินเค และในแต่ละแคปซูลมีไดแคลเซียม มาเลตในปริมาณ 120 มก. ซึ่งเป็นปริมาณยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และมีการผสมไดแมกนีเซียม มาเลท ซึ่งเป็นแมกนีเซียมที่ออกฤทธิ์ทางชีวภาพสูง ในขนาด 60 มก. และเมื่อมีการผสมกันแล้ว จะทำให้เกิดอัตราส่วน 2:1 ระหว่างแคลเซียมและแมกนีเซียมที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งช่วยให้ดูดซึมได้เร็ว และแคลเซียมยังช่วยเสริมสร้างวงจรการเปลี่ยนแปลงของกระดูกตามธรรมชาติอีกด้วย

Calciven มีปัจจัยการดูดซึมทั้งหมด 4 ประการ รวมถึงแมกนีเซียม ที่ช่วยลำเลียงแคลเซียมเข้าสู่กระดูกโดยตรง และลดความเสี่ยงในการสะสมในเนื้อเยื่อ แต่ละแคปซูลประกอบด้วยวิตามิน D3 ในปริมาณ 50 ไมโครกรัม และวิตามิน K2 ปริมาณ 100 ไมโครกรัม ซึ่งการบริโภควิตามินสองตัวนี้ในปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้เกิดรูปแบบการดูดซึมได้ดี นอกจากนี้ Calciven ยังเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นเดียวที่มีส่วนผสมของโบรอน จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เรานำมาเสนอ ที่ซึ่งให้ความสำคัญกับการรักษา และเพิ่มปริมาณแร่ธาตุในกระดูก

ผลิตภัณฑ์นี้สามารถสั่งซื้อได้บนเว็ปไซด์ Amazon.com แต่เราพบว่ามีส่วนลด และการจัดส่งที่ดีกว่ามากบนเว็บไซต์ของ Nutreance นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะช่วยบำรุงร่างกายของคุณเมื่อมีอายุมากขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงข้อต่อ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสมอง
โดยรวมแล้ว Calciven เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับสายสุขภาพที่ต้องการบำรุงกระดูก ในปี 2024 นี้

#2. OsteoBase

by Ortho Molecular Products

Our Rating

Overall Grade

ข้อดี

ข้อเสีย

ส่วนสำคัญ

ผลิตภัณฑ์ OsteoBase by Ortho Molecular Products ช่วยเสริมสร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมี 4 ส่วนประกอบหลักตามเกณฑ์ที่เราวางเอาไว้สำหรับอาหารเสริมกระดูกทีดี ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และวิตามินเค ซึ่งเป็นสารประกอบที่ใช้ในปริมาณน้อยแต่มีประสิทธิภาพสูง ผลิตภัณฑ์นี้มีการใช้แคลเซียมจาก 2 แหล่ง คือ ไดแคลเซียม มาเลท และไมโครคริสตัลไลน์ ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (MCH) ที่ได้มาจากกระดูกวัว ซึ่ง MCH นี้ให้ทั้งแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่เป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง แต่อย่างไรก็ตาม มื้ออาหารในยุคสมัยนี้ มีส่วนผสมของฟอสฟอรัสในระดับที่เกินกว่าความจำเป็น ซึ่งสารประกอบ MCH เป็นแหล่งแคลเซียมรองที่ไม่จำเป็นนัก เพราะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ใช่สารประกอบที่เป็นมังสวิรัติอีกด้วย
ถึงแม้ว่าแต่ละแคปซูลจะให้ปริมาณแคลเซียมที่ปลอดภัยคือ 100 มก.แล้ว แต่ก็ยังให้แมกนีเซียมอีก 100 มก. ทำให้มีอัตราส่วนของแคลเซียมต่อแมกนีเซียมอยู่ที่ 1:1 ซึ่งมันอาจจะปลอดภัยในการรับประทานในระยะสั้น แต่มีการศึกษาพบว่า การบริโภคแคลเซียมและแมกนีเซียมในปริมาณที่ต่ำกว่าอัตราส่วนที่แนะนำซึ่งคือ 2:1 ในระยะยาวนั้น อาจเกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจได้
อีกทั้ง อาหารเสริมตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของโบรอน ที่ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้แคลเซียมสลายจากกระดูกของเรา เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ แม้จะมีส่วนผสมของวิตามินดี และวิตามินเค รวมอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้อยู่ปริมาณที่สูงพอที่จะรับประกันการดูดซึมแคลเซียมได้

#3. Osteoben

by Designs for Health

Our Rating

Overall Grade

ข้อดี

ข้อเสีย

ส่วนสำคัญ

Osteoben by Designs for Health มีส่วนผสมหลักทั้งหมด 4 อย่างสำหรับเสริมร้างกระดูก ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินดี และวิตามินเค และอาหารเสริมสูตรนี้เป็นสูตรมังสวิรัติ เพราะมีส่วนผสมของแคลเซียมในรูปของไดแคลเซียม มาเลต ซึ่งมันสามารถดูดซึมแร่ธาตุได้ง่าย แม้ใช้ในปริมาณน้อยก็ตาม แต่การที่ให้แมกนีเซียมในอัตราส่วน 1:1 นั้น อาจทำให้เกิดนัยสำคัญจากอัตราส่วนที่อาจส่งผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจในระยะยาวได้
ถึงแม้ว่าปริมาณของวิตามินดีใน Osteoben จะไม่เพียงพอ แต่ก็มีวิตามินเค ในปริมาณ 120 ไมโครกรัมในแต่ละแคปซูลที่มากกว่าอาหารเสริมตัวอื่นๆ ซึ่งมันจะเป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างวงจรการเปลี่ยนแปลงของกระดูกตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่ ร้อยละ 80 ของวิตามิน K1 ได้รับการพิสูจน์ว่า มีประสิทธิภาพน้อยกว่าวิตามิน K2 สำหรับเสริมสร้างกระดูก อีกทั้ง สูตรนี้ยังไม่มีส่วนผสมของโบรอน แต่มีการเพิ่มแร่สังกะสี (Zinc) เข้ามาแทน ซึ่งมันเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่า จะมีการดูดซึมแคลเซียมไปยังกระดูกได้โดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม มื้ออาหารส่วนใหญ่มักมีปริมาณสังกะสีในระดับที่เพียงพออยู่แล้ว แต่มักขาดแร่โบรอนที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงได้
สุดท้ายแล้ว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ประกอบด้วยสารจีนิสติน ซึ่งเป็นไฟโตเอสโตรเจนที่ได้มาจากดอกโซโฟร่าสารตัวนี้จะช่วยรักษาความหนาแน่นของแร่ธาตุในกระดูก แต่ก็มีหลักฐานทางการแพทย์เพียงน้อยนิดที่แสดงให้เห็นว่า จีนิสตินสามารถเป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกได้ อีกทั้ง ยังมีการศึกษาหลายชิ้นที่พบว่า จีนิสตินอาจจะส่งผสต่อผู้ชาย เนื่องจากมันเป็นสารจากพืชที่มีฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจน ดังนั้น ผู้ชายจึงควรบริโภค Osteoben อย่างระมัดระวัง

#4. Bone Builder with Magnesium

by Metagenics

Our Rating

Overall Grade

ข้อดี

ข้อเสีย

ส่วนสำคัญ

Bone Builder with Magnesium เป็นหนึ่งในชุดผลิตภัณฑ์ “Bone Builder” จาก Metagenics จากการนำเสนอของชุดผลิตภัณฑ์นี้ เรารู้สึกว่า มันเป็นสูตรอาหารเสริมที่ดีสำหรับการเสริมสร้างกระดูกที่ครอบคลุมทุกด้าน เนื่องจากมันมีส่วนประกอบที่จำเป็นทั้งหมด 3 ใน 5 ส่วน ซึ่งช่วยให้กระดูกแข็งแรงขึ้น และมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
อาหารเสริมตัวนี้มีอัตราส่วนของแคลเซียมต่อแมกนีเซียมอยู่ที่ 2:1 ซึ่งเป็นความสมดุลที่สมบูรณ์แบบ ของการเป็นปัจจัยการดูดซึมแคลเซียมสำหรับเสริมสร้างกระดูกที่สำคัญที่สุด ซึ่งแคลเซียมนั้น นำมาจากไมโครคริสตัลไลน์ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (MCH) ที่ซึ่งได้มาจากกระดูกวัว และไดแคลเซียม ฟอสเฟต ที่ซึ่งให้ฟอสฟอรัสในปริมาณมาก แต่หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป ได้ไว้แนะนำในปี 2019 ว่าการบริโภคอาหารสมัยนี้ เริ่มมีการบริโภคแร่ธาตุในระดับที่เกินกว่าที่เหมาะสม
ในแต่ละแคปซูลมีปริมาณแคลเซียมมากกว่า 200 มก.ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติอย่างมาก อีกทั้งคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์ยังแนะนำให้ทานวันละ 3 แคปซูล จึงทำให้ปริมาณที่บริโภคอาจสูงเกินไปสำหรับบางคน และอาจเสี่ยงต่อการสะสมแคลเซียมในไตหรือหลอดเลือดแดงได้ โดยเฉพาะอย่าง เมื่อมีการขาดปัจจัยการดูดซึมในผลิตภัณฑ์นี้ เพราะปริมาณของวิตามินดีไม่เพียงพอต่อการดูดซึมแคลเซียม อีกทั้งยังไม่มีส่วนประกอบของวิตามินเค และโบรอนอีกด้วย
นอกจากนี้ Metagenics ยังมีการแปลงสูตรด้วยการเพิ่ม ไอพริฟลาโวน ซึ่งเป็นไอโซฟลาโวนสังเคราะห์ที่มีการประเมินว่ามันอาจช่วยเสริมสร้างวงจรการสร้างกระดูกได้ แต่การประเมินประสิทธิภาพนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้จนถึงตอนนี้

#5. Ossopan MD

by Xymogen

Our Rating

Overall Grade

ข้อดี

ข้อเสีย

ส่วนสำคัญ

Ossopan MD โดย Xymogen มีส่วนผสมของแคลเซียมทั้งสองชนิด คือ ไดแคลเซียม มาเลท ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายดูดซึมได้ดี และไมโครคริสตัลไลน์ไฮดรอกซีอะพาไทต์ (MCH) ที่ซึ่งเป็นสารสกัดที่อุดมไปด้วยฟอสฟอรัส จากกระดูกดิบ โดยมีการให้แคลเซียมแต่ละชนิดในปริมาณ 200 มก ต่อแคปซูล รวมถึงมีส่วนผสมของแมกนีเซียม และวิตามินดี ที่ช่วยลำเลียงสารอาหารเข้าสู่กระดูกอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่น่าเสียดายที่ อาหารเสริมตัวนี้ ให้แมกนีเซียมเพียง 50 มก. ต่อแคปซูล ซึ่งอัตราส่วน 4:1 ของแคลเซียมต่อแมกนีเซียมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยแตกต่างจากอัตราส่วน 2:1 ซึ่งโอกาสที่แคลเซียมจะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆของร่างกายน้อยมาก นอกจากนี้ แต่ละแคปซูลยังมีวิตามิน D3 เพียงแค่ 1.25 ไมโครกรัมเท่านั้น ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยจนแทบจะไม่มีนัยสำคัญตามมาตรฐานตามที่สถาบันการแพทย์แห่งชาติ และสถาบันสุขภาพแห่งชาติแนะนำไว้ว่า ให้บริโภควิตามินดีอย่างน้อย 15 ไมโครกรัมต่อวัน อีกทั้งยังไม่มีส่วนประกอบของวิตามินเค และโบรอนในสูตรนี้ จึงมีข้อควรระวังบางประการ ซึ่งคือปริมาณแคลเซียมที่สูงเกินไป และการขาดปัจจัยการดูดซึมที่จำเป็นต่อการกักเก็บแคลเซียมในกระดูก และหากรับประมาณมากกว่า 2 แคปซูลทุกวันตามคำแนะนำบนฉลาก กาบริโภคในระยะยาวนี้ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ การเกิดนิ่วในไต หรือการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดได้

References

  1. Demontiero O, Vidal C, Duque G. Ther Adv Musculoskelet Dis. 2012 Apr;4(2):61-76. doi: 10.1177/1759720X11430858. PMID: 22870496; PMCID: PMC3383520.
  2. Reinwald S, Weaver CM, Kester JJ. Adv Food Nutr Res. 2008;54:219-346. doi: 10.1016/S1043-4526(07)00006-X. PMID: 18291308.
  3. DeLuccia R, Cheung M, Ng T, Ramadoss R, Altasan A, Sukumar D. Curr Dev Nutr. 2019 Jun 13;3(Suppl 1):nzz034.P10-100-19. doi: 10.1093/cdn/nzz034.P10-100-19. PMCID: PMC6574898.
  4. Rondanelli M, Faliva MA, Peroni G, Infantino V, Gasparri C, Iannello G, Perna S, Riva A, Petrangolini G, Tartara A. J Trace Elem Med Biol. 2020 Dec;62:126577. doi: 10.1016/j.jtemb.2020.126577. Epub 2020 Jun 6. PMID: 32540741.
  5. Laird E, Ward M, McSorley E, Strain JJ, Wallace J. Nutrients. 2010 Jul;2(7):693-724. doi: 10.3390/nu2070693. Epub 2010 Jul 5. PMID: 22254049; PMCID: PMC3257679.
  6. Akbari S, Rasouli-Ghahroudi AA. Biomed Res Int. 2018 Jun 27;2018:4629383. doi: 10.1155/2018/4629383. PMID: 30050932; PMCID: PMC6040265.

Categories